ลําไย ชื่อสามัญ Longan (ลองแกน) (มักเขียนผิดเป็น “ลําใย“) ลําไย
ชื่อวิทยาศาสตร์ Dimocarpus
longan Lour. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Euphoria longan (Lour.)
Steud.) จัดอยู่ในวงศ์เงาะ (SAPINDACEAE) ผลไม้เพื่อสุขภาพชนิดนี้เป็นที่นิยมรับประทานอย่างมากในบ้านเรา
โดยจังหวัดที่ปลูกมากที่สุด คือจังหวัดลําพูน
สิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมกับการปลูกลำไยในฤดูกาล
ดิน
ที่ลําไยชอบมาก คือดิน ร่วนปนทราย
และดินตะกอน ซึ่งเกิดจากตะกอนกรวด หิน ดิน ทราย อินทรีย์วัตถุที่น้ำพัดพามา เกิดการทับถมของอินทรีย์วัตถุซึ่งจะสังเกตได้จากต้นลําไยที่ปลูกตามที่ราบลุ่มแม่น้ําปิง
ในเขตจังหวัด เชียงใหม่ ลําพูน
เจริญงอกงามและให้ผลผลิตดีดินที่ปลูกลําไยควรมีหน้าดินลึก การระบายน้ําดี สําหรับค่าของความเป็นกรด-ด่าง
(pH)
เท่ากับ 6 อุณหภูมิโดยทั่วไปลําไยต้องการอากาศค่อนข้างเย็น
อุณหภูมิ
สามารถเจริญเติบโตได้อยู่ระหว่าง 4
- 30 องศาเซลเซียส และต้องการอุณหภูมิต่ํา (10 - 20 องสาเซลเซียส) ในฤดูหนาว ช่วงหนึ่งคือ ประมาณเดือนพฤศจิกายนถึงมกราคมเพื่อการออกดอก
ซึ่งจะสังเกตว่าถ้าปีไหนอากาศหนาวเย็น นานๆ
โดยไม่มีอากาศอบอุ่นเข้ามาแทรกลําไยจะมีการออกดอกติดผลดี
น้ําและความชื้น
น้ำเป็นสิ่งจําเป็นในการเจริญเติบโตของต้นลําไยในแหล่งปลูกลําไย
ควรมีปริมาณ น้ําฝนอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ยประมาณ 1,250 มิลลิเมตรต่อปีและควรมีการกระจายตวของฝนตกประมาณ
100 - 150 วันต่อปี แต่อย่างไรก็ตามในบางช่วงลําไยต้องการน้ําน้อย
คือในชวงก่อนออกดอกแต่ ในช่วงออกดอกติดผลลําไยต้องการน้ำมาก
แสง แหล่งปลูกลําไยต้องโล่งแจ้ง มีแสงแดดส่องตลอดเวลา
ในภาคเหนือโดยเฉพาะเชียงใหม่และลำพูน
ยังเป็นการผลิตลำไยในฤดู และอาศัยปัจจัยการผลิตโดยอิงธรรมชาติแบบดังเดิมอยู่ใช้องค์ความรู้และเทคโนโลยีในการผลิตค่อนข้างน้อย
ปฏิทินการปฏิบัติดูแลรักษาลำใยอบแห้งในฤดูกาล
สิงหาคม
ตัดแต่งกิ่ง เอากิ่งไปทำฟืน เผาถ่าน เอาใบคลุมในทรงพุ่ม
(ให้เสร็จไม่เกิน 30 วัน)
กันยายน
แตกใบอ่อนครั้งที่ 1
เอาปุ๋ยคอกหว่านบนใบใต้ทรงพุ่ม ตามด้วยปุ๋ยเคมีตามตาราง 5.1
แสดงปริมาณปุ๋ยที่ควรให้แก่ลำไยแต่ละครั้งของการแตกใบอ่อน(ในคู่มือการผลิตลำไยคุณภาพ)หรือสูตรปุ๋ยตัวหน้าสูงเช่น
46 - 0 - 0 หรือ 25 –7–7 (อัตราตามปริมาณปุ๋ยด้านหลัง)ระวังหนอนและแมลงกัดกินใบอ่อน
เช่น หนอนคืบกินใบ หนอนมังกร หนอนหนาม ด้วงกินใบ ด้วงกุหลาบ
แมลงค่อมทอง การป้องกันกำจัด ให้ฉีดพ่นน้ำส้มควันไม้ อัตราน้ำส้มควันไม้ 1 ส่วน ต่อน้ำ 150 ส่วน(น้ำส้มควันไม้ 150 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร) หรือ ฉีดพ่นสารเคมีคลอไพรีฟอส50%
+ ไซเพอร์เมทริน อัตรา 20 – 30 ซีซี
ต่อน้ำ 20 ลิตร
ตุลาคม
แตกใบอ่อนครั้งที่ 2
ให้ปุ๋ยเคมี สูตร 46 - 0 - 0 หรือ 25
–7–7 (อัตราตามปริมาณปุ๋ยด้านหลัง) ให้น้ำตาม
ระวังหนอนและแมลงกัดกินใบอ่อน เช่น หนอนคืบกินใบ หนอนมังกร
หนอนหนาม ด้วงกินใบ ด้วงกุหลาบ แมลงค่อมทอง การป้องกันกำจัด
ให้ฉีดพ่นน้ำส้มควันไม้ อัตราน้ำส้มควันไม้ 1 ส่วน ต่อน้ำ 150
ส่วน(น้ำส้มควันไม้ 150 ซีซี ต่อน้ำ 20
ลิตร) หรือ ฉีดพ่นสารเคมีคลอไพรีฟอส50% + ไซเพอร์เมทริน
อัตรา 20 – 30 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
พฤศจิกายน
แตกใบอ่อนครั้งที่ 3
ให้ปุ๋ยเคมี สูตร 46 - 0 - 0 หรือ 25
–7–7 (อัตราตามปริมาณปุ๋ยด้านหลัง) ให้น้ำตาม
ระวังหนอนและแมลงกัดกินใบอ่อน เช่น หนอนคืบกินใบ หนอนมังกร หนอนหนาม ด้วงกินใบ
ด้วงกุหลาบ แมลงค่อมทอง การป้องกันกำจัด ให้ฉีดพ่นน้ำส้มควันไม้
อัตราน้ำส้มควันไม้ 1 ส่วน ต่อน้ำ 150 ส่วน(น้ำส้มควันไม้
150 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร) หรือ
ฉีดพ่นสารเคมีคลอไพรีฟอส50% + ไซเพอร์เมทริน อัตรา 20
– 30 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
ธันวาคม
ชักนำการออกดอก
กระตุ้นการออกดอกโดยใช้สารโพแทสเซียมคลอเรต ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการออกดอกของลำไย
การแตกใบอ่อน 3 ครั้งดีกว่าการแตกใบอ่อน 2
ครั้ง อายุของใบ ฤดูหนาวอายุใบ 45 วัน
ใบต้องแก่เต็มที่ สีเขียวเข้ม ฤดูฝนตั้งแต่อายุใบ 25 วันใบโตเต็มที่
มีสีเขียวอ่อน วิธีการให้สาร
ทำความสะอาดภายใต้ทรงพุ่ม ให้ทางดินโดยผสมน้ำราดจากปลายทรงพุ่มเข้ามา 1
เมตร รอบทรงพุ่ม(ให้สารในตอนเช้า) ) หลังจากให้สาร 7 - 10 วัน ให้ฉีดพ่นทางใบ สาร 3 ขีด ผสมกับปุ๋ยสูตร 0
– 52 – 34 อัตรา 1 กิโลกรัม ต่อน้ำ 200
ลิตร (ให้ฉีดพ่นตอนเย็น) แสง วันที่ให้สารควรมีแสงแดดจัด
ความบริสุทธิ์ของสาร 99.7เปอร์เซ็นต์(วิเคราะสารที่แม่โจ้ 100
บาท)อัตราการให้สาร(ตามตารางแนบท้าย)
มกราคม
ออกดอก ดูแลน้ำให้สม่ำเสมอ ไม่ต้องมาก
ดูแลโรคและแมลง ให้ฉีดพ่นน้ำส้มควันไม้ อัตราน้ำส้มควันไม้ 1
ส่วน ต่อน้ำ 150 ส่วน(น้ำส้มควันไม้ 150
ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร) หรือ
ฉีดพ่นสารเคมีคลอไพรีฟอส50% + ไซเพอร์เมทริน อัตรา 20
– 30 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร หลังจากแทงช่อดอก
(ดอกยังไม่บาน)
กุมภาพันธ์ ติดผล
ขนาดเท่าหัวไม้ขีดไฟให้ปุ๋ยเคมีตามการคาดคะเนปริมาณผลผลิต ตามตารางที่5.2 แสดงปริมาณปุ๋ยที่ควรให้แก่ลำไยในระยะติดผลถึงเก็บเกี่ยว(ในคู่มือการผลิตลำไยคุณภาพ)
หรือให้ปุ๋ยสูตรตัวหน้าสูงเช่น 46 – 0 – 0 หรือ 25 –
7 – 7 แบ่งใส่เดือนละครั้ง (2 ครั้ง)ให้น้ำตามทุกครั้งและให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ
ดูแลโรคและแมลง ให้ฉีดพ่นน้ำส้มควันไม้ อัตราน้ำส้มควันไม้ 1 ส่วน ต่อน้ำ 150 ส่วน(น้ำส้มควันไม้ 150 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร) หรือ ฉีดพ่นสารเคมีคลอไพรีฟอส50%
+ ไซเพอร์เมทริน อัตรา 20 – 30 ซีซี ต่อน้ำ 20
ลิตร ผสมสารเคมีป้องกันเชื้อรา คาร์เบนดาซิม
มีนาคม
สร้างเมล็ดและเปลือก ตัดช่อผล
โดยตัดปลายช่อผลเหลือไว้ไม่เกิน 60 ผลต่อช่อ
ระยะขนาดผลเท่าเมล็ดถั่วเขียว ให้ปุ๋ยเคมีสูตรเสมอเช่น 15 – 15 – 15 หรือ 16 – 16 – 16 แบ่งใส่เดือนละครั้ง
แล้วให้น้ำตามทุกครั้งและให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ ดูแลโรคและแมลง
ให้ฉีดพ่นน้ำส้มควันไม้ อัตราน้ำส้มควันไม้ 1 ส่วน ต่อน้ำ 150
ส่วน(น้ำส้มควันไม้ 150 ซีซี ต่อน้ำ 20
ลิตร) หรือ ฉีดพ่นสารเคมีคลอไพรีฟอส50% + ไซเพอร์เมทริน
อัตรา 20 – 30 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
ผสมสารเคมีป้องกันเชื้อรา
เมษายน
เมล็ดเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ระยะสร้างเนื้อ ให้ปุ๋ยเคมีตามการคาดคะเนปริมาณผลผลิต ตามตารางที่5.2 แสดงปริมาณปุ๋ยที่ควรให้แก่ลำไยในระยะติดผลถึงเก็บเกี่ยว(ในคู่มือการผลิตลำไยคุณภาพ) หรือให้ปุ๋ยสูตรตัวท้ายสูง เช่น 13 - 13 – 21 หรือ 8 – 24 – 24 ให้น้ำตามและให้น้ำสม่ำเสมอ ดูแลโรคและแมลง
พฤษภาคม มิถุนายน
สร้างเนื้อและขยายผลเร็วให้ปุ๋ยเคมีตามการคาดคะเนปริมาณผลผลิต
ตามตารางที่5.2 แสดงปริมาณปุ๋ยที่ควรให้แก่ลำไยในระยะติดผลถึงเก็บเกี่ยว(ในคู่มือการผลิตลำไยคุณภาพ)
หรือให้ปุ๋ยสูตรตัวท้ายสูงเช่น 13 – 13 – 21 หรือ 8 –
24 – 24 ให้น้ำสม่ำเสมอ ดูแลโรคและแมลง เช่น เพลี้ยหอยหลังเต่า
มวลลำไย ผีเสื้อมวนหวาน โรคผลลาย ผลแตก ผลร่วงให้ฉีดพ่นน้ำส้มควันไม้
อัตราน้ำส้มควันไม้ 1 ส่วน ต่อน้ำ 150 ส่วน(น้ำส้มควันไม้
150 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร) หรือ
ฉีดพ่นสารเคมีคลอไพรีฟอส50% + ไซเพอร์เมทริน อัตรา 20
– 30 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ผสมสารเคมีป้องกันเชื้อรา
ทีบูโคนาโซล 25%EW
กรกฎาคม
เก็บเกี่ยวผลผลิต และสามารถนำมาทำลำไยอบแห้ง
บริษัท แอล วาย ซี รวมผล จำกัด : ผู้รวบรวม
ขอบคุณที่มา
1. https://researchex.mju.ac.th/agikl/index.php/knowledge/25-fruit/84-longang
2 http://eto.ku.ac.th/neweto/e-book/plant/tree_fruit/puklamyai.pdf
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น